
การมาถึงของชาวโปรตุเกสที่เมืองแคลบาร์ (Calabar) ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่จุดชนวนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไนจีเรีย เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการค้าทาสแอฟริกา-ยุโรปและนำไปสู่การฟื้นตัวของอาณาจักรเบนิน (Benin)
ก่อนหน้าการมาถึงของโปรตุเกส อาณาจักรเบนินเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญในภูมิภาคตะวันตกของแอฟริกา โดยมีชื่อเสียงในด้านการค้าทองคำ ไข่มุก และสินค้าอื่นๆ ที่มีมูลค่าสูง อย่างไรก็ตาม การมาถึงของชาวโปรตุเกสได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าอย่างรุนแรง
ชาวโปรตุเกสที่นำโดย Fernão de Lemos เดินทางไปยังเมืองแคลบาร์ในปี 1472 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเบนินกับยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปรตุเกสได้สร้างความสนใจในทาสแอฟริกา ซึ่งมีความต้องการสูงในทวีปอเมริกา
การค้าทาสกลายเป็นธุรกิจที่ทำกำไรมหาศาล
ชาวโปรตุเกส обменивали товары с африканскими торговцами на рабов, которых затем перевозили в Америку.
สินค้าจากยุโรป | |
---|---|
ผ้า | |
อาวุธ | |
เครื่องประดับ |
สินค้าที่ส่งออกไปยังยุโรป | |
---|---|
ทาส | |
พริกไทย | |
ข้าวสาลี |
การค้าทาสทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงในอาณาจักรเบนิน ความต้องการทาสแอฟริกาสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้เกิดสงครามระหว่างกลุ่มชนต่าง ๆ เพื่อยึดครองผู้คน และนำมาขายเป็นทาส
ผลกระทบของการค้าทาส:
- การขยายตัวของอาณาจักรเบนิน:
รายได้จากการค้าทาสทำให้อาณาจักรเบนินสามารถขยายดินแดนและอำนาจได้
- ความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม:
การค้าทาสนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างชนชั้นสูงที่ได้ประโยชน์จากการค้าทาส และคนส่วนใหญ่
- ความเสียหายต่อประชากรแอฟริกา:
การค้าทาสทำให้มีผู้คนจำนวนมากถูกพรากจากครอบครัวและประเทศบ้านเกิด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคมแอฟริกา
การมาถึงของชาวโปรตุเกสที่เมืองแคลบาร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางประวัติศาสตร์ไนจีเรีย การค้าทาสทำให้เกิดความร่ำรวยแก่ชนชั้นสูงในอาณาจักรเบนิน แต่ก็สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประชากรแอฟริกา
แม้ว่าการค้าทาสจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลกระทบของมันยังคงปรากฏให้เห็นในสังคมแอฟริกันจนถึงปัจจุบัน