
การจลาจลของชาวเดนในปี ค.ศ. 878 เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญประวัติศาสตร์อังกฤษในยุคศตวรรษที่ 9 และมีผลกระทบต่อการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอย่างมาก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากความไม่พอใจของชาวเดน ซึ่งเป็นชนชั้นล่างที่มีฐานะยากจนและถูกกดขี่ทางสังคม
ชาวเดนซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรและกรรมกร ต้องเผชิญกับภาระภาษีที่หนักหน่วง และการปกครองที่ไม่ยุติธรรมจากชนชั้นสูง ชาวเดนเริ่มแสดงความไม่พอใจต่อสภาพการณ์ดังกล่าวผ่านการประท้วงและการจลาจลในระดับท้องถิ่น
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อกษัตริย์อัลเฟร็ดมหาราชพยายามบังคับใช้ระบบภาษีใหม่ที่ชาวเดนเห็นว่าเป็นการกดขี่อย่างหนัก การเก็บภาษีที่สูงเกินไป ทำให้ชาวเดนไม่สามารถเลี้ยงชีพได้ และหลายคนตกอยู่ในสภาพความยากจน
ความไม่พอใจของชาวเดนลุกลามจากการประท้วงในท้องถิ่นไปสู่การจลาจลที่ใหญ่ขึ้น จลาจลนี้เริ่มต้นจากการก่อจลาจลในเขตผู้ว่าราชการ Kent และกระจายไปทั่วแคว้น Wessex ในเวลาต่อมา
ชาวเดนทำลายทรัพย์สินของชนชั้นสูง ปล้นสะดม และเผาทำลายบ้านเรือน โบสถ์ และอาคารสาธารณะ การจลาจลดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายเดือน ก่อนที่กษัตริย์อัลเฟร็ดมหาราชจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
สาเหตุของการจลาจล:
- ภาระภาษีที่หนักหน่วง: ระบบภาษีที่ไม่ยุติธรรมและภาระภาษีที่สูงเกินไปทำให้ชาวเดนยากจนลง และไม่สามารถเลี้ยงชีพได้
- การปกครองที่ไม่ยุติธรรม: ชาวเดนถูกกดขี่ทางสังคม และไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับชนชั้นสูง
ผลกระทบของการจลาจล:
ด้าน | ผลกระทบ |
---|---|
การเมือง | กษัตริย์อัลเฟร็ดมหาราชต้องปรับปรุงนโยบายภาษีและการปกครองเพื่อตอบสนองความต้องการของชาวเดน |
เศรษฐกิจ | การจลาจลทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและการค้าขาย |
สังคม | ชาวเดนได้รับสิทธิและบทบาทที่มากขึ้นในสังคมอังกฤษ |
การจลาจลของชาวเดนเป็นตัวอย่างของความตึงเครียดทางสังคมในยุคศตวรรษที่ 9 และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญในอังกฤษ การจลาจลนี้บังคับให้ชนชั้นปกครองต้องรับฟังเสียงของประชาชน และดำเนินนโยบายที่เป็นธรรมมากขึ้น